หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

จริตในการปฏิบัติธรรม



จริตในการปฏิบัติธรรม
                การปฏิบัติเราจะเอากรรมฐานอันใดมาปฏิบัติซึ่งเหมาะกับจริตของเรา ในสมถะกรรมฐานนั้นมีจริต ๖ คือ ราคะจริต โทสจริต โมหะจริต พุทธิจริต สัทธาจริต วิตกจริต
. ราคจริต หมายถึง ผู้ที่มีความประพฤติหนักไปทางรักสวยรักงาน กรรมฐานสำหรับแก้ คือ อสุภกรรมฐาน และกายคตาสติ (การพิจารณากาย)  อิริยาบถยืนหรืออิริยาบถเดิน เหมาะสมแก่คนราคจริต
. โทสจริต หมายถึง ผู้มีความประพฤติหนักไปทางใจร้อน ขี้โมโห ขี้หงุดหงิด กรรมฐานสำหรับแก้ คือ พรหมวิหาร และกสิณ  อิริยาบถนอนหรืออิริยาบถนั่ง เหมาะสมแก่คนโทสจริต
. โมหจริต หมายถึง ผู้มีความประพฤติหนักไปทางเขลา งมงาย กรรมฐานที่จะช่วยคือ การเจริญอานาปาณสติ การสนทนาธรรมกับผู้รู้ อิริยาบถนอนหรืออิริยาบถนั่ง เหมาะสมแก่คนโมหจริต
. สัทธาจริต หมายถึง ผู้มีความประพฤติหนักไปทางน้อมใจเลื่อมใสสิ่งต่างๆ ได้ง่าย มีจิตซาบซึ้งง่าย กรรมฐานที่จะช่วยคือการพิจารณาอนุสสติ  อิริยาบถนอนหรืออิริยาบถนั่ง เหมาะสมแก่คนสัทธาจริต
. พุทธิจริต หรือญาณจริต หมายถึง ผู้มีความประพฤติหนักไปทางใช้ความคิดพิจารณากรรมฐานที่เหมาะสมคือ มรณานุสติ อุปสมานุสสติ จตุธาตุววัฏฐาน อาหาเรปฏิกูลสัญญา
๖. วิตกจริต หมายถึง ผู้มีความประพฤติหนักไปทางความคิดฟุ้งซ่าน กรรมฐานที่เหมาะสมคือ การเจริญอานาปานสติ การเพ่งกสิณ

พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ในเมฆิยสูตรว่า
พึงเจริญธรรม ๔ ประการให้ยิ่งๆขึ้นไป คือพึงเจริญอสุภกรรมฐานทั้งหลายเพื่อประหารเสียซึ่งราคะ พึงเจริญเมตตาเพื่อประหารเสียซึ่งพยาบาท พึงเจริญอานาปานสติเพื่อกำจัดเสียซึ่งมิจฉาวิตก พึงเจริญอนิจจสัญญา เพื่อถอนเสียซึ่งอัสมิมานะ
อย่างในวิปัสสนากรรมฐานมีอยู่ ๔ อย่างคือ
 . ตัณหาจริต คือ มีความยากมาก มีราคะมาก โทสะมาก โมหะมาก มีกิเลสมาก
  . ทิฏฐิจริต คือความเห็นไม่ลงลอย ทิฏฐิมาก มานะมาก
  . สมถยานิก คือ คนที่ทำสมถะมา เคยภาวนา พุทโธ มา เคยทำอานาปานสติ นี้เป็นสมถยานิก
  .วิปัสสนายานิก คือ บางคนเคยปฏิบัติ และบางคนยังใหม่
    เราจะให้หมู่ผู้ปฏิบัตินี้ เหมือนกันไม่ได้ คือ เราจะต้องให้ตามจริตตามนิสัยของผู้ปฏิบัติอย่างเช่น
    . ตัณหาจริต อย่างแก่ คือ มีตัณหามากปัญญาน้อย ให้เจริญกายานุปัสสนา ถ้ามีปัญญาแก่กล้าให้เจริญเวทนานุปัสสนา
    . ทิฏฐิจริต ถ้ามีปัญญาน้อยให้เจริญจิตตานุปัสสนา ถ้ามีปัญญาแก่กล้าให้เจริญธัมมานุปัสสนา
    . สมถะยานิก คือเจริญสมถะมาก่อน ถ้ามีปัญญาน้อยให้เจริญกายานุปัสสนา ถ้ามีปัญญาแก่กล้าให้เจริญเวทนานุปัสสนา
    . วิปัสสนายานิก คือ เจริญวิปัสสนามาก่อน ถ้ามีปัญญาน้อยให้เจริญจิตตานุปัสสนา ถ้ามีปัญญาแก่กล้าให้เจริญธัมมานุปัสสนา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น