ระดับต่าง ๆ แห่งบุคคลผู้ถอนตัวขึ้นจากทุกข์
ภิกษุ ทั้งหลาย ! บุคคลเปรียบด้วยบุคคลตกน้ำเจ็ดจำพวก เหล่านี้ มีอยู่
หาได้อยู่ ในโลก. เจ็ดจำพวกเหล่าไหนเล่า
? ภิกษุ ทั้งหลาย ! ในกรณีนี้ :
(๑) บุคคลบางคน จมน้ำคราวเดียวแล้วก็จมเลย ; (ประกอบด้วยอกุศลธรรมฝ่ายเดียว
โดยส่วนเดียว)
(๒) บุคคลบางคน ผุดขึ้นครั้งหนึ่งแล้วจึงจมเลย ; (ผุดขึ้น คือ มีสัทธาดีในกุศลธรรมทั้งหลาย
มีหิริดี-มีโอตตัปปะดี-มีวิริยะดี-มีปัญญาดีในกุศลธรรมทั้งหลาย. แต่ว่าสัทธาเป็นต้นของเขา ไม่ตั้งอยู่นาน ไม่เจริญ เสื่อมสิ้นไป)
(๓) บุคคลบางคน ผุดขึ้นแล้ว ลอยตัวอยู่ ; (ผุดขึ้น คือ มีสัทธาดีในกุศลธรรมทั้งหลาย มีหิริดี-มีโอตตัปปะดี-มีวิริยะดี-มีปัญญาดีในกุศลธรรม ทั้งหลาย. และ สัทธาเป็นต้น ของเขา ไม่เสื่อม ไม่เจริญ แต่ทรงตัวอยู่)
(๔) บุคคลบางคน ผุดขึ้นแล้วเหลียวดูรอบ ๆ อยู่ ; (ผุดขึ้น คือ มีสัทธาดีในกุศลธรรมทั้งหลาย
มีหิริดี-มีโอตตัปปะดี-มีวิริยะดี-มีปัญญาดีในกุศลธรรมทั้งหลาย. บุคคลนั้นเพราะสิ้นไปแห่งสังโยชน์สาม
เป็น โสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงแท้ต่อพระนิพพาน มีการตรัสรู้พร้อมในเบื้องหน้า )
(๕) บุคคลบางคน ผุดขึ้นแล้ว ว่ายเข้าหาฝั่ง ; (ผุดขึ้น คือ มีสัทธาดีในกุศลธรรมทั้งหลาย
มีหิริดี-มีโอตตัปปะดี-มีวิริยะดี-มีปัญญาดีในกุศลธรรมทั้งหลาย. บุคคลนั้นเพราะสิ้นไปแห่งสังโยชน์สาม
และเพราะความเบาบางแห่งราคะโทสะโมหะ เป็น สกทาคามี มาสู่โลกนี้เพียงครั้งเดียว แล้วทำที่สุดแห่งทุกข์ได้)
(๖) บุคคลบางคน ผุดขึ้นแล้วเดินเข้ามาถึงที่ตื้นแล้ว ; (ผุดขึ้น คือ มีสัทธาดีในกุศลธรรมทั้งหลาย
มีหิริดี-มีโอตตัปปะดี-มีวิริยะดี-มีปัญญาดีในกุศลธรรมทั้งหลาย. บุคคลนั้น เพราะสิ้นไปแห่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ทั้งห้า
เป็น โอปปาติกะ มีการปรินิพพานในภพนั้น ไม่เวียนกลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา)
(๗) บุคคลบางคน ผุดขึ้นแล้ว ถึงฝั่งข้ามขึ้นบกแล้ว เป็นพราหมณ์
ยืนอยู่. (มีสัทธาดีในกุศลธรรมทั้งหลาย มีหิริดี-มีโอตตัปปะดี-มีวิริยะดี-มีปัญญาดีในกุศลธรรมทั้งหลาย. บุคคลนั้น ได้ กระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง
ในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้วอยู่)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น